กระดังงาสงขลา
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cananga odorata (Lank.) Hook. f. et. Th., var.fruticosa (Craib) J. Sincl.
ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE
ชื่ออื่น : กระดังงอ, กระดังงาเบา, กระดังงาสาขา
รูปลักษณะ : กระดังงาสงขลา เป็นไม้พุ่ม สูง 1-2.5 เมตร ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปใข่หรือรูปขอบขนาน กว้าง 7-9 ซม. ยาว 10-18 ซม. ดอกช่อ ออกเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีเขียวแกมเหลือง กลิ่นหอม ผลเป็นกลุ่มผล
สรรพคุณของ กระดังงาสงขลา : ดอก เป็นยาบำรุงหัวใจ ใช้ได้เช่นเดียวกับกระดังงาไทย
กระดังงาไทย
ชื่อวงศ์ : ANNONACEAE
ชื่ออื่น : กระดังงา, กระดังงาใบใหญ่, กระดังงาใหญ่, สะบันงา
รูปลักษณะ : กระดังงาไทย เป็นไม้ยืนต้น สูง 8-15 เมตร ลำต้นตรง เปลือกต้นเกลี้ยงสีเทา กิ่งมักจะลู่ลง ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปวงรีหรือรูปใบหอก กว้าง 5-7 ซม. ยาว 13-20 ซม. ขอบใบเป็นคลื่น ดอกช่อออกเป็นกระจุก ที่ซอกใบ กระจุกละ 4-6 ดอก กลีบดอกสีเหลืองหรือเหลืองอมเขียว มีกลิ่นหอม ผลเป็นกลุ่มผล ผลแก่จะเปลี่ยนจากสีเหลืองอมเขียวเป็นสีดำ
สรรพคุณของ กระดังงาไทย : ดอก มีน้ำมันหอมระเหย ใช้ทอดกับน้ำมันมะพร้าว ทำน้ำมันใส่ผม ใช้ปรุงเป็นยาหอม แก้ลมวิงเวียน จัดอยู่ในพิกัดเกสรทั้งเจ็ด
การบูร
ชื่อวงศ์ : LAURACEAE
รูปลักษณะ : การบูร เป็นไม้ยืนต้น สูง 10-15 เมตร กิ่งก้านเรียบเกลี้ยง ยอดอ่อนมีใบเกล็ดสีเหลืองแกมน้ำตาลหุ้ม ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปไข่ กว้าง 3-5 ซม. ยาว 5-8 ซม. มีกลิ่นหอม ดอกช่อออกที่ซอกใบ ดอกย่อยมีขนาดเล็ก สีนวล ผลเป็นผลสดขนาดเล็ก
สรรพคุณของ การบูร : เนื้อไม้ เมื่อนำเนื้อไม้มากลั่นไอน้ำ จะได้สารที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว คือ การบูร (Camphor) ใช้ผสมในยาน้ำ มีสรรพคุณบำรุงธาตุ ขับเสมหะ ขับลม แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ แก้ปวดท้อง ท้องร่วง ขับเหงื่อ ใช้ผสมในยาหม่อง ยาขี้ผึ้ง ยาครีมทาแก้เคล็ดบวม ขัดยอก แพลง แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย และโรคผิวหนังเรื้อรัง
ที่มา http://www.likemax.com/archive/herb/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น